Last updated: 14 ธ.ค. 2564 | 519 จำนวนผู้เข้าชม |
น้ำมูกไหล คัดจมูก อาการกวนใจสำหรับ เด็กที่มีอาการภูมิแพ้ แม้จะเป็นอาการที่ไม่หนัก แต่เมื่อเป็นอยู่เรื่อยๆเป็นประจำ คุณพ่อคุณแม่อย่างเรา ก็อดไม่ได้ที่จะสงสารเด็กๆ และหากปล่อยให้เด็กๆมีอาการภูมิแพ้เรื้อรัง ก็อาจรบกวนชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นลดช่วงเวลาสนุกแห่งการเรียนรู้ หรือช่วงเวลาที่ควรได้นอนหลับพักผ่อนอย่างมีคุณภาพเพื่อการเติบโตสมวัย
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอรพรรณ โพชนุกูล หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านโรคภูมิแพ้ โรคหืด และโรคระบบทางเดินหายใจ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวไว้ว่า
“หากไม่รับการรักษาและดูแลตัวเองให้ดี ผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจส่วนล่าง หรือโรคหอบหืดมากกว่าคนปกติถึง 3 เท่า และเสี่ยงต่อการเป็นภูมิแพ้ขั้นรุนแรง (Anaphylaxis) ซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ รวมถึงอาจเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาอีก ไม่ว่าจะเป็นโรคไซนัสอักเสบ โรคริดสีดวงจมูก โรคหู ชั้นกลางอักเสบ ซึ่งล้วนเป็นโรคเรื้อรังที่ก่อความรำคาญทั้งสิ้น”
จะดีกว่ามั้ย ถ้าเราช่วยเด็กๆหยุดภูมิแพ้ ด้วยวิธีง่ายๆ คือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
คุณหมออรพรรณ ท่าน แนะนำว่า “ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอครั้งละ 30 – 40 นาที สัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง จึงจะช่วยรักษาโรคภูมิแพ้และโรคพ่วงจากภูมิแพ้ให้หายขาดได้ โดยเฉพาะเด็กมีโอกาสหายถึง 80 เปอร์เซ็นต์
โดยมีงานวิจัยยืนยันชัดเจนว่า การออกกำลังกายสามารถรักษาโรคภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจและโรคพ่วงจากภูมิแพ้ได้ เนื่องจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปอด หัวใจ และทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เมื่อระบบทางเดินหายใจของคนไข้เป็นปกติ จะช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น ไม่มีเสมหะไหลลงคอ จึงไม่เป็นหวัดและติดเชื้อง่าย”
และจะดีขึ้นอีกมั้ย หากเราได้รู้ว่า ออกกำลังกายแบบไหน ชนิดใด จึงจะช่วยลดอาการภูมิแพ้อย่างได้ผลจริง
ศาสตราจารย์นายแพทย์อรรถ นานา ผู้อำนวยการวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อคิดว่า “ควรเลือกออกกำลังกายที่มีความหนักระดับปานกลาง (Moderate – intensity Activities) ซึ่งมีการเต้นของหัวใจ 50 – 60 เปอร์เซ็นต์ของชีพจรสูงสุดจึงจะดีที่สุด เพราะช่วยลดอาการคัดจมูกทำให้จมูกโล่งขึ้น กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้อาการภูมิแพ้ส่วนบนและส่วนล่างดีขึ้น”
นอกจากนี้
คุณจรันตน์ จันทินมาธร นักวิทยาศาสตร์การกีฬา คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังกล่าวแนะนำไว้ว่า “ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ควรออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น การวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เพราะเป็นกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายสามารถดึงออกซิเจนมาใช้ได้มากขึ้น จึงช่วยให้กระบวนการทำงานของร่างกายทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบการไหลเวียนเลือด ระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาท หรือการขับถ่าย ทำงานดีขึ้น”
จากข้อมูลที่แพทย์และผู้เชี่ยวชาญแนะนำ แม่กรีนขออนุญาติถ่ายทอด ในรูปแบบที่แม่กรีนพาลูกตนเองซึ่งเป็นภูมิแพ้ออกกำลัง และได้ผลดีค่ะ
1.เลือกออกกำลังในช่วงเวลาแดดอ่อนๆ เพื่อรับวิตามินดีร่วมด้วยในปริมาณที่เหมาะสม
2.ออกกำลังแบบคาร์ดิโอ คือ ออกกำลังแบบที่หัวใจทำงานได้ดี กระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจ เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน เตะบอล ว่ายน้ำ(หากสะดวก แนะนำสระว่ายน้ำเกลือ หรือสระที่ระดับคลอรีนไม่สูง เพื่อความอ่อนโยนต่อระบบทางเดินหายใจของเด็ก)
3. ออกในระดับที่ได้เหงื่อ เริ่มหายใจเหนื่อยขึ้น โดยระยะเวลาการออก 30-60 นาที ต่อวัน ต่อเนื่องทุกวัน หรืออย่างน้อย 3-4 วันต่อสัปดาห์
4.หลังออกกำลังเสร็จ แนะนำนั่งพัก ดื่มน้ำ สักครู่ จึงค่อยอาบน้ำ เพื่อปรับอุณหภูมิ และปรับอัตราการเต้นของหัวใจลงก่อน
คุณพ่อคุณแม่ลองทำพร้อมๆกับลูก แล้วคุณจะรู้เลยค่ะว่า หายใจโล่ง หายจากอาการคัดจมูกได้จริงๆ และหากทำเป็นประจำ ระบบทางเดินหายใจ ระบบการไหลเวียนของเลือด และระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของเด็กๆจะดีขึ้นแน่นอนค่ะ
นอกจากการออกกำลังกายแล้ว สิ่งที่สำคัญอีก คือ การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ และการทานอาหารตามโภชนาการ ในบทความก่อนๆ
รวมถึงเสริมภูมิคุ้มกันด้วยเอ็กซไคแน๊กพลัส ซึ่งเป็นวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันสูตรธรรมชาติสำหรับเด็ก ที่ได้รับการการันตีจากสองร้อยกว่ารีวิวจริงจากแพทย์ เภสัช และคุณพ่อคุณแม่ค่ะ
ด้วยรักและห่วงใย
#แม่กรีนเภสัชแม่กรีนกายภาพ
#เพจเลี้ยงลูกให้มีภูมิคุ้มกัน
12 ก.ค. 2561
28 ม.ค. 2562
21 ม.ค. 2564
21 ธ.ค. 2564