เคยสงสัยมั้ยค่ะว่า คุณหมอบอก ยานี้ให้กินตามอาการ เมื่อลูกไม่มีอาการให้หยุดยา มนุษย์แม่ผู้มีความสามารถหลายด้านอย่างเรา จึงต้องใช้ความสามารถการสังเกตสูงขึ้นไปอีก ว่าอย่างนี้ลูกควรหยุดยารึยัง กินต่อเพื่อกันพลาดดีมั้ยน๊า

วันนี้แม่กรีนนำความรู้เรื่องยาลดน้ำมูกกับยาแก้แพ้มาฝากค่ะ ลำดับของอาการหวัด มักเริ่มจากมีน้ำมูกก่อน แล้วค่อยตามด้วยเสมหะ

คุณหมอจึงจ่ายยาแก้แพ้ หรือยาลดน้ำมูก ซึ่งลดน้ำมูกเหมือนกัน แต่ผลข้างเคียงต่างกัน 

โดยยาลดน้ำมูกหรือยาแก้แพ้รุ่นเก่า เช่น คลอเฟนิรามีน มีผลข้างเคียงทำให้ มีอาการง่วง ปากแห้ง คอแห้ง ตาพร่า ท้องผูก

 สำหรับคุณแม่ที่เคยทานยาตัวนี้จะทราบเลยว่ามันปากแห้ง คอแห้งจริงๆ ถ้าตัวคุณแม่แข็งแรงดีไม่ค่อยเป็นหวัด ก็จะไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของผลข้างเคียงยาตัวนี้  จึงควรระวังเมื่อลูกรักต้องทานยา   ถ้าลูกต้องทานยาดังกล่าว ควรหยุดยาให้เร็ว เมื่อน้ำมูกลด เพราะหากทานยานานเกินจะมีผลให้เสมหะข้นเหนียวได้

ในคู่มือการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผลตามบัญชียาหลักแห่งชาติจึงไม่แนะนําให้นำยารุ่นนี้มาใช้บรรเทาอาการหวัดในเด็กทั่วไปเพราะไม่มีหลักฐานว่าได้ผลและยังมีผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น ซึม ชัก เป็นต้น

นอกจากนี้ยังทำให้เสมหะข้นเหนียวขึ้นซึ่งอาจอุดกั้นทาง เดินหายใจได้ ซึ่งปัจจุบันองค์การด้านยาของประเทศต่าง ๆ หลายประเทศได้ออกประกาศยกเลิกการใช้ยากลุ่มนี้กับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ (สหรัฐอเมริกา) หรือ 6 ขวบ (แคนาดา อังกฤษ นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย) ด้วยเหตุผลว่าไม่เป็นประโยชน์ในเด็กเล็กแต่อาจเกิดโทษซึ่งอาจเป็นอันตรายร้ายแรงได ้ 

#ส่วนยาแก้แพ้รุ่นใหม่ เช่น เซทิริซีน/ Zyrtec มีผลข้างเคียงต่ำกว่า คุณหมอเด็กบางท่านจึงนิยมจ่ายยาในกลุ่มหลังนี้ค่ะ

ที่มา: http:// www.thaipediatrics.org/, http:// drug.fda.moph.go.th/, http:// www.pharmacy.mahidol.ac.th/ #แม่กรีนเภสัช#GreeneryHerbs 

#แม่กรีนเภสัช #แม่กรีนกายภาพ #GreeneryHerbs
ติดตามบทความอื่นๆของเราได้ที่
FB : เพจเลี้ยงลูกให้มีภูมิคุ้มกัน
https://www.facebook.com/GreeneryThailand/
=================================
#เลี้ยงลูกให้มีภูมิคุ้มกัน
#greeneryherbs
#แม่กรีนเพจเลี้ยงลูกให้มีภูมิคุ้มกัน  
=================================